วันอังคารที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2560

บทที่ 1 การดูแลเสื้อผ้า


    บทที่ 1 การดูแลเสื้อผ้า
    
    ความหมายและความสำคัญของการดูแลรักษาเสื้อผ้า
    การดูแลเสื้อผ้า หมายถึง การทำความสะอาดและเก็บรักษาเสื้อผ้าโดยวิชาการขจัดรอยเปื้อน ซัก ตาก รีด เก็บ พับ หรือแขวนในถุงเก็บเสื้อหรือในตู้
    การดูแลรักษาเสื้อผ้าอย่างถูกวิธีและประณีตความสำคัญ ดังนี้
    1. เสื้อผ้าสะอาด ไม่มีคราบสกปรก หรือมีกลิ่นเหม็นจากเหงือ
    2. ป้องกันไม่ให้เกิดโรคผิวหนังอันเนื่องมาจากเสื้อผ้าสกปรก เช่น หิด กลาก เกลื้อน ผดผื้นคัน
    3.ถนอมเนื้อผ้าให้ทนทาน ไม่เสื่ยมสภาพ และมีอายุการใช้งานยาวนาน
    4.ส่งเสริมบุคลิกภาพของผู้สวมใส่ให้ดูดี สง่างาม เป็นที่ชื่นชอบของผู้พบเห็น
    5.ผู้สวมใส่เกิดความมั่นใจ และภาคภูมิใจ
    6.ปลูกฝังลักษณะนิสัยให้เป็นคนรักสะอาด มีระเบียบวินัย ประณีต สวยงาม

    ประเภทของเสื้อผ้า
    เสื้อผ้าแบ่งตามชนิดของเส้นใย ที่นำมาทอเป็นผืนผ้าได้เป็น 3 ประเภท ดังนี้
    1. เสื้อผ้าจากเส้นใยธรรมชาติ ซึ่งเป็นเส้นใยที่มีอยู่ในธรรมชาติ เช่น ผ้าฝ้าย ผ้าลินิน ผ้าไหม ผ้าขนสัตว์ สวมใส่สบาย แต่ต้องใช้ความประณีต เพราะยับง่าย
    2.ผ้าจากเส้นใยสังเคราะห์ ซึ่งเป็นเส้นใยที่มนุษย์สังเคราะห์จากสารเคมี แล้วผลิตเป็นผืนผ้า เสื้อผ้าใยสังเคราะห์จะมีการดูแลรักษาง่าย เพราะไม่ยับ ยืดหยุ่นและคืนตัวได้ดี แต่ไม่ค่อยดูดซึมน้ำและไม่ระบายความร้อน จึงเหมาะที่จะสวมใส่ในห้องปรับอากาศ
    เส้นใยที่นิยมมาตัดเย็บเสื้อผ้า เช่น ไนลอน พอลิเอสเทอร์ อไครลิก สแปนเด็ซ์
    3.เสื้อผ้าจากเส้นใยกึ่งสังเคราะห์ ซึ่งเป็นเส้นใยที่มีส่วนผสมของเส้นใยธรรมชาติ ผ้าจะมีเนื้อนุ่ม เป็นมันเงา ดูดซึมน้ำได้ดี แต่ไม่ค่อยมีความเหนียว เสียรูปทรงไม่ถูกน้ำ ไม่ทนกรดเข้มข้น
เส้นใยกึ่งสังเคราะห์ที่นิยมมาตัดเสื้อผ้า เช่น เรยอน อะซิเตต

    หลักการดูแลเสื้อผ้า
    การดูแลเสื้อผ้าให้ทนทาน ใช้ได้นานมีหลักการ ดังนี้
    1.ขณะสวมใส่เสื้อผ้าต้องระมัดระวังไม่ให้เปื้อน ถ้าถูกของแหลมคมเกี่ยวขาด
    2.ไม่ควรใส่ของหนักหรือของมีคมในกระเป๋าเสื้อ กระเป๋ากระโปรง กระเป๋ากางเกง เพราะจะทำให้กระเป๋าขาดได้
    3.เสื้อผ้าเมื่อถอดแล้วจะสวมใส่อีก เช่น เสื้อกันหนาว สูท ไม่ควรแขวนไว้ที่ตะปู เพราะจะเสียรูปทรง ควรแขวนด้วยไม้แขวน เก็บไว้ในที่อากาศถ่ายเทได้ดี
    4.สำรวจลักษณะบนป้ายผ้าที่ติดมากับเสื้อผ้า และดูแลให้ถูกต้อง ดังตัวอย่าง
Description: 375px-Waschen_40 ซักด้วยน้ำตามอุณหภูมิ
Description: 375px-Handwäsche  ซักด้วยมือ
Description: 375px-Nicht_waschen  ห้ามซักน้ำ
Description: 375px-Professionelle_reinigung สามารถซักแห้งได้
Description: 375px-Nicht_chemisch_reinigen ห้ามซักแห้งด้วยน้ำมัน
Description: 375px-Professionelle_reinigungซักแห้งด้วยน้ำมัน
Description: 375px-Bügeln_1   รีดโดยความร้อนต่ำ 120 องศา
Description: 375px-Bügeln_2  รีดโดยใช้ความร้อนปานกลาง 160 องศา
 Description: 375px-Bügeln ห้ามรีด
  รีดโดยใช้ไอน้ำ ฯลฯ

    5. สำรวจชนิดของเส้นใยผ้าเพ่อให้เลือกใช้วัสดุ อุปกรณ์ และเครื่องมือในการดูแลรักษาได้เหมาะสม
    6. หยิบสิ่งของออกจากกระเป๋าเสื้อ กระเป๋ากางเกง กระเป๋ากระโปรงออกก่อนขจัดรอยเปลื้อนละซัก
    7. ขจัดรอยเปลื้อนทันทีที่พบจะช้วยประหยัดแรงงานและเวลาในการซักเสื้อผ้า
    8. ซ้อมแซมเสื้อผ้าที่ชำรุดก่อนซักทำความสะอาด
    9. แยกสีผ้า ผ้าขาว ผ้าที่สีตกไว้ เพื่อสะดวกในการซักและป้องกันเสื้อผ้าสีหมองหรือสีตกใส่
    10. ศึกษาวิธีใช้งานวัสดุ อุปกรณ์ และเครื่องมือดูแลเสื้อผ้าให้เข้าใจ จากการอ่านฉลากหรือข้อความตามบรรจุภัณฑ์ และคุ่มือการใช้งานแล้วปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
    11. จัดเก็บเสื้อผ้าอย่างถูกวิธีโดยไม่ให้ยับหรือเสียรูปทรงหยิบใช้ได้สะดวกปราศจากฝุ่นและแมลง
    วัสดุ อุปกรณ์ และเครื่องมือในการดูแลเสื้อผ้า
    การดูแลเสื้อผ้า จำเป็นต้องมีความรู้เกี่ยวกับวัสดุ อุปกรณ์ และเครื่องมือดูแลเสื้อผ้าเพื่อให้เลือกใช้ได้เหมาะสมกับลักษณะงาน ดังนี้
  ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ สารซักฟอก เช่น น้ำยาซักผ้า
        สารซักฟอก เช่น น้ำยาซักผ้า       
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ สารซักฟอก เช่น น้ำยาซักผ้า
             สารฟอกขาว            
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ สารปรับผ้านุ่ม
 สารปรับผ้านุ่ม
  ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ สารตกแต่งผ้าขาว
    สารตกแต่งผ้าขาว  
    ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ สารตกแต่งผ้าให้คงรูป
       สารตกแต่งผ้าให้คงรูป   
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ขวดใส่สารทำให้ผ้าเรียบ
  สารทำให้ผ้าเรียบ
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ที่หนีบผ้า
    ที่หนีบผ้า
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ กะละมัง
    กะละมัง      
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ แปรงขัดผ้า
                  แปรงขัดผ้า                    
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ตะกร้าใส่ผ้า
 ตะกล้าใส่ผ้า
  ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เครื่องซักผ้า
          เครื่องซักผ้า           
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เตารีดไฟฟ้าแบบธรรมดา
          เตารีดไฟฟ้าธรรมดา      
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ สารทำให้ผ้าเรียบ
        ขวดใส่สารทำให้ผ้าเรียบ
  ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ที่รองรีด
   ที่รองรีด
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ หมอนรองรีด
หมอนรองรีด
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ไม้แขวนเสื้อ
 ไม้แขวนเสื้อ

     วิธีการดูแลเสื้อผ้าประเภทต่างๆ
     การดูแลเสื้อผ้าแต่ละประเภทให้สะอาด   คงสภาพดี  ใช้งานได้นานต้องรู้จักวิธีการขจัดรอยเปื้อน  ซัก  รีด  และเก็บรักษาที่ถูกวิธีดังนี้
     การขจัดรอยเปื้อนบนเสื้อผ้า
     การทำกิจกรรมต่างๆหรือเหตุการณ์ที่เกิดในชีวิตประจำวัน เช่น เล่นกีฬา  ขึ้นรถ  ลงเรือ  ทำงาน  รับประทานอาหาร  เกิดอุบัติเหตุ อาจทำให้เสื้อผ้าที่เราสวมใส่เปรอะเปื้อนจากคราบสกปรกต่างๆได้  ซึ่งหากไม่ขจัดทันทีที่พบ  จะทำให้คราบสกปรกเหล่านั้นฝังแน่นในเส้นใยผ้า  จนกระทั่งไม่สามารถชักออกได้
                                           

    รอยเปื้อนบนเสื้อผ้าพบเป็นประจำมีวิธีการขจัดดังนี้
    รอยเปื้อนชา กาแฟ ใช้น้ำร้อนราดบนรอยเปื้อนให้จางลง จากนั้นนำไปซักในน้ำอุ่นกับสบู่  ถ้ายังซักไม่ออกให้ใช้น้ำยาฟอกขาวเช็ด แล้วจึงนำไปซักกับสารซักฟอก
    รอยเปื้อนเลือด ให้นำนมข้นหวานทาบริเวณรอยเปื้อน  หรือใช้แป้งมันผสมน้ำให้เข้มข้นเหมือนแป้งเปียกทาบริเวณรอยเปื้อนทิ้งไว้สักครู่  แล้วจึงนำไปซักตามปกติ ถ้ารอยเปื้อนเป็นคราบฝังแน่น  ให้ใช้ฟองน้ำ จุ่มน้ำเย็นที่ผสมเกลือ  ถูเบาๆจนรอยจาง
    รอยเปื้อนหมากฝรั่ง ให้ใช้น้ำแข็งถูให้หมากฝรั่งแข็งตัว  แล้วใช้สันมีดขูดออก  จากนั้นใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์เช็ด  นำไปซักในสบู่
    รอยเปื้อนยาแดง เช็ดรอยเปื้อนด้วยแอมโมเนีย หรือซักด้วยน้ำส้มสายชูผสมน้ำ
    รอยเปื้อนน้ำหมึก ถ้าเป็นรอยเปื้อนใหม่ๆให้ขยี้น้ำผสมสารซักฟอก  ถ้ายังมีรอยเปื้อนให้นำเกลือป่นโรยตรงรอยเปื้อน แล้วบีบน้ำมะนาวลงไปให้ชุ่มนำไปผึ่งแดดแล้วค่อยนำไปซัก
    รอยเปื้อนรา *เล็กน้อย บีบน้ำมะนาวลงบนเสื้อผ้าที่มีราขึ้น แล้วแช่ผ้าในสารซักฟอกสักครู่ จากนั้นนำไปซักตามปกติ
    รอยเปื้อนปากกาลูกลื่น ให้ใช้ฟองน้ำชุบแอลกอฮอล์เช็ดจนรอยจาง แล้วจึงนำไปซักตามปกติ
    รอยเปื้อนครีม  เนย  น้ำมัน ให้น้ำแป้งฝุ่นทาตัวมาโรยบริเวณรอยเปื้อนแล้วใช้กระดาษชำระวางทับ  จากนั้นนำเตารีดที่มีระดับความร้อนพอสมควรวางทับกระดาษ  จนแป้งดูดคราบมันออกหมด  จึงนำไปซัก
    รอยเปื้อนยางผลไม้ ใช้สารส้มถูบริเวณรอยเปื้อน แล้วนำไปซักด้วยสารซักฟอก
    รอยเปื้อนดินสอ ใช้ยาสีฟันป้ายลงบนพื้นดินสอแล้วขยี้  จากนั้นนำไปซักตามปกติ
    รอยเปื้อนโคลน ปล่อยให้โคลนแห้ง  แล้วใช้แปรงปัดออก  ซักด้วยน้ำเย็นหลายๆครั้ง  จนไม่มีน้ำโคลนออกมา  จึงซักด้วยผงซักฟอก
    รอยเปื้อนสนิม นำผ้ามาชุบน้ำให้เปียกก่อน  บีบน้ำมะนาวลงไปบนรอยเปื้อนทิ้งไว้ซักครู่  แล้วจึงนำไปซักตามปกติ
    รอยเปื้อนเหงื่อไคล ซักด้วยน้ำผสมน้ำส้มสายชูเล็กน้อย  แล้วจึงซักตามปกติ

    การซัก ตาก รีด และเก็บเสื้อผ้า
    การซัก ตาก รีด และเก็บเสื้อผ้าประเภทต่างๆ ที่นิยมใช้ในปัจจุบันมีวิธีการดังนี้
    1.เสื้อผ้าไหม
    1.1 การซักเสื้อผ้าไหมควรซักด้วยมือ ไม่ควรซักด้วยเครื่องซักผ้า เพราะแรงเสียดสีของเครื่องซักผ้าจะทำให้เส้นใยชำรุด โดยการซักเสื้อผ้าไหม มีขั้นตอนดังนี้
     1.) ใส่น้ำลงในกะละมังกะพอท่วมผ้าที่จะซัก เกือบครึ่งกะละมัง นำน้ำยาซักแห้งเทใส่น้ำในอ่าง ใช้มือแกว่งน้ำจนน้ำยาซักแห้งแตกฟอง
     2.) นำผ้าไหมแช่ลงในน้ำสักครู่ ใช้มือกดน้ำให้เปียกและจมน้ำ ใช้มือขยี้เบาๆตรงที่สกปรก เช่น ปกเสื้อ ปลายแขนเสื้อ และส่วนอื่นๆ ขยี้จนคราบเหงื่อไคล ขี้ฝุ่น และสิ่งสกปรกออกจนหมด อย่าใช้แปลงขัดถูผ้าไหมเด็กขาด
     3.) นำผ้าไหมที่ซักสะอาดแล้วขึ้นจากน้ำ ใช้มือบีบเบาๆ ให้น้ำ และน้ำยาซักแห้งออกจนหมด
     4.) นำผ้าที่ยกขึ้นจากน้ำแล้ว ไปล้างในน้ำสะอาด 2 ครั้ง จากนั้นแช่ในอ่างน้ำที่ผสมน้ำยาปรับผ้านุ่มไว้สักครู่ ปริมาณการใช้น้ำยาซักแห้ง และน้ำยาปรับผ้านุ่ม ให้ดูตามคำแนะนำในฉลากผลิตภัณฑ์
    1.2 การตากผ้าไหม ทำได้ดังนี้
     1.) ยกผ้าไหมขึ้นมาจากน้ำยาปรับผ้านุ่ม แล้วบีบเบาๆ ไบ่น้ำออก ห้ามบิดผ้า จะทำให้ผ้าเป็นรอยยับ เสียรูปทรง
     2.) สลัดผ้าเบาๆ คลี่ออกใส่ไม้แขวนเสื้อ
     3.) นำเสื้อใส่ไม้แขวนไปแขวนกับราวตากผ้าในที่ร่ม ที่มีลมพัดผ่าน
   1.3 การรีดเสื้อผ้าไหม มีขั้นตอนดังนี้
    1.) นำผ้าไหมที่ซักตากแห้งพอหมาดๆ มาพรมน้ำหรือฉีดพ่นน้ำยารีดผ้าเรียบให้ทั่ว ม้วนพับเก็บไว้ในช่องแช่แข็งของตู้เย็น นานประมาณ 1-2 ชั่วโมง เพื่อให้น้ำหรือน้ำยาที่ฉีดไว้กระจายเข้าเนื้อผ้าจนทั่วดี ไม่ควรนำไปรีดหลังพรมน้ำหรือฉีดพ่นน้ำยารีดผ้าเรียบทันที จะทำให้ผ้าด่างและไม่เรียบ
    2.) นำผ้าไหมที่ม้วนเก็บไว้ในตู้เย็นมารีด โดยใช้ผ้าฝ้ายขนาดผ้าเช็ดหน้ามาวางทับบนผ้าไหม แล้วจึงใช้เตารีด รีดบนผ้าฝ้าย หากไม่วางผ้าฝ้ายบนผ้าไหมก่อน ความร้อนจากเตารีดจะทำให้ผ้าไหมสูญเสียคุณสมบัติ คือ สีผ้าจะไม่สดใส อาจทำให้ผ้าเป็นรอยเหลือง และเก่าเร็ว ถ้าไม่รีดด้วยผ้าฝ้าย ให้รีดด้วยไฟอ่อนๆ หรือใช้เตารีดไอน้ำ ถ้ารีดแห้งๆ ผ้าจะแจ็งกระด้าง เป็นมันลื่น
   1.4 การเก็บรักษาผ้าไหม ทำได้ดังนี้
    1.) หลังจากรีดผ้าไหมเรียบร้อยแล้ว ควรแขวนไว้กับไม้แขวนเสื้อ แล้วนำไปแขวนเก็บไว้ที่ตู้แห้ง ไม่อับชื้น
    2.) ถ้าเป็นเสื้อผ้าไหมที่ใช้แล้ว และยังไม่สกปรก ควรแขวนกับไม้แขวนแล้วนำไปผึ่งไว้ในที่ร่ม ที่มีอากาศถ่ายเทดี หากผ้าไหมสกปรกเล็กน้อย ควรทำความสะอาดเฉพาะจุดนั้นทันทีใส่ไม้แขวนเสื้อนำไปผึ่งให้แห้งรีดให้เรียบก่อนนำไปเก็บในตู้เสื้อผ้า

    2. เสื้อผ้าฝ้าย
    2.1) การซักเสื้อผ้าฝ้าย เสื้อผ้าฝ้ายซักได้ด้วยมือ และใช้เครื่องซักผ้า แต่การซักด้วยมือจะถนอมเนื้อผ้ามากกว่า นอกจากนี้ การซักเสื้อผ้าอย่างถูกวิธีจะช่วยป้องกันราขึ้นเสื้อผ้าได้โดยมีขั้นตอนดังนี้
      1.) แช่ผ้าฝ้ายด้วยน้ำเกลือหรือน้ำส้มสายชู 1 คืน แล้วนำขึ้นบีบน้ำออก
      2.) ใส่สารซักฟอก 1 ช้อน  ต่อ 1 น้ำกะละมัง ใช้มือแกว่งจนเกิดฟอง นำผ้าลงซัก ขยี้เบาๆ ยกขึ้นบีบน้ำออกเบาๆ นำไปล้างน้ำสะอาด 2 ครั้ง
      3.) แช่ผ้าฝ้ายในอ่างน้ำที่ผสมน้ำยาปรับผ้านุ่มไว้สักครู่
     4.) ถ้าเป็นผ้าฝ้ายสีขาว ให้ซักในน้ำสบู่ร้อนๆ ถ้าจะใช้น้ำยาฟอกขาว ต้องเป็นน้ำยาอ่อนๆ ล้างด้วยน้ำสะอาด จะปั่นให้แห้งด้วยเครื่องซักผ้าก็ได้
    2.2 การตากเสื้อผ้าฝ้าย ทำได้โดยนำเสื้อผ้าฝ้ายที่ซักเสร็จแล้ว ผึ่งและสบัดให้คลี่ออก ใส่ไม้แขวนเสื้อ ตากแดดจัดได้ แต่ไม่ควรนานเกินไป เพราะจะทำให้เส้นใยเสียคุณภาพ ถ้าเป็นผ้าสีนำไปแขวนในที่ร่ม มีลมพัดผ่าน ใช้มือดผ้าให้ตึง อย่าให้มีรอยยับจะช่วยให้รีดง่าย
    2.3 การรีดผ้าฝ้าย ทำได้โดยนำผ้าที่ตากไว้พอหมาดๆ นำไปรีด ไม่ต้องพรมน้ำ ฉีดน้ำยาหรือไม่ฉีกน้ำยาเรียบผ้าเรียบก้อได้ รีดด้วยความร้อนสูง ผ้าจะเรียบ 
    2.4 การเก็บรักษาผ้าฝ้าย ผ้าฝ้ายจะขึ้นราได้ง่ายเมื่ออยู่ในที่อับชื้น การดูแลรักษาเสื้อผ้าฝ้ายหลังจากซักแล้วควรใส่ไม้แขวนแขวนไว้ในตู้เสื้อผ้า ซึ่งวางไว้ในที่ที่อากาศถ่ายเทดี แห้งและเย็น ไม่ควรแขวนเสื้อผ้าให้แน่นมากนัก อีกทั้งก่อนเก็บไว้ในตู้ควรให้เสื้อผ้าแห้งสนิทก่อน

    3. เสื้อผ้าลินิน
    3.1 การซักเสื้อผ้าลินิน ควรซักด้วยมือ เพราะไม่ทำให้ผ้ายับรีดง่าย และการซักผ้าลินินสีขาวควรซักในน้ำอุ่น ผ้าลินินสีอื่นให้ซักในน้ำเย็น และใช้สารซักฟอกที่มีส่วนผสมของเอนไซม์เพื่อช่วยขจัดคราบสกปรก การซักผ้าลินินด้วยมือมีขั้นตอนดังนี้
     1.) นำผ้าลินินแช่น้ำสักครู่ยกขึ้นบีบเบาๆ แล้วนำผ้าไปแช่ในน้ำสารซักฟอกที่เตรียมไว้ แช่ไว้สักครู่เพื่อให้สารซักฟอกขจัดสิ่งสกปรก จากนั้นใช้มือขยี้ให้สิ่งสกปรกออกให้หมด แล้วยกขึ้น บีบน้ำออกเบาๆ ไม่ควรบิดผ้าแรงๆ เพราะจะทำให้เกิดรอยยับ นอกจากนี้สารฟอกขาวคลอรีนกับผ้าขาวได้
     2.) นำผ้าไปล้างในน้ำสะอาด 2-3 ครั้งจนหมดสารซักฟอก นำไปแช่ในน้ำผสมน้ำยาปรับผ้านุ่มสักครู่ ยกขึ้นบีบน้ำออก
    3.2 การตากเสื้อผ้าลินิน ทำได้โดยนำผ้าลินินที่ซักใส่ไม้แขวนเสื้อ ตากแดดเสื้อ แต่ไม่นานเกินไป แล้วผึ่งลมไว้พอหมาดจึงนำไปรีด หรือนำผ้าลินินหมาดๆ ไปม้วนไว้ในผ้าขนหนูสักครู่ เพื่อไม่ให้ผ้าแห้งแข็งเกินไป จึงนำไปรีด
    3.3 การรีดเสื้อผ้าลินิน ทำได้โดยนำเสื้อผ้าลินินที่ผึ่งลมพอหมาด หรือผ้าลินินที่ห่อผ้าขนหนูไว้ไปรีด โดยใช้ความร้อนสูง และให้รีดด้านใน เพื่อให้ด้านนอกเป็นมัน
    3.4 การเก็บรักษาเสื้อผ้าลินิน หลังจากรีดเสร็จแล้วให้นำไปแขวนกับไม้แขวน แล้วนำไปเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้า

    4.เสื้อผ้าขนสัตว์
    เสื้อผ้าขนสัตว์เมื่อถูกความร้อนและชื้น ผ้าขนสัตว์จะเชื่อมติดกันเป็นแผ่น หดทุกครั้งเมื่อเปียก จึงควรส่งร้านซักรีดที่มีความชำนาญในการซักรีดให้จะดีกว่า สำหรับวิธีการดูแลเสื้อผ้าขนสัตว์อย่างง่ายที่สามารถทำได้ด้วยตัวเองมีดังนี้
     1.) ใช้แปรงนุ่มๆแปรงฝุ่นออกทุกครั้งหลังการใช้ ถ้าถูกน้ำให้สะบัดออก อย่าแปรงขณะผ้าเปียก
     2.)  แขวนเสื้อผ้าขนสัตว์ในที่อากาศโปร่ง แห้ง และเย็น มีถุงพลาสติกหุ้ม
     3.) ห้ามใช้เสื้อผ้าชุดเดียวติดต่อกันนานหลายวัน 
เพราะเมื่อขนสัตว์มีการเสียดสีหรือถูไปมานานๆจะแข็งเป็นมัน บางชนิดขนจะหลุด

   5.เสื้อผ้าใยสังเคราะห์
   5.1 การซักเสื้อผ้าใยสังเคราะห์ สามารถซักได้ด้วยมือและเครื่องซัก แต่ซักมือจะถนอมผ้ามากกว่า โดยการซักเสื้อผ้าใยสังเคราะห์มีวิธีการดังนี้
    1) ควรแยกผ้าสีและผ้าขาวออกจากัน ไม่ควรซักรวมกัน เพื่อป้องกันสีตก
    2) ซักในน้ำธรรมดาหรือน้ำอุ่น ด้วยสารซักฟอกชนิดอ่อนอย่างเบามือ แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด                                2-3 ครั้ง จากนั้นบีบไล่น้ำออกให้ผ้าหมาด
    3) ถ้ามีความจำเป็นต้องฟอกขาว ควรใช้สารฟอกขาวอย่างอ่อน
    5.2 การตากเสื้อผ้าใยสังเคราะห์ ตากแดดได้แต่ต้องกลับเอาด้านในออก เพื่อป้องกันไม่ให้สีซีดจาง และไม่ควรตากนาน พอหมาดเก็บเข้าที่ร่ม
    5.3 การรีดเสื้อผ้าใยสังเคราะห์ เสื้อผ้าใยสังเคราะห์ไม่ยับ จึงไม่จำเป็นต้องรีด แต่หากรีดควรใช้ความร้อนต่ำ
    5.4 การเก็บเสื้อผ้าใยสังเคราะห์ ควรแขวนด้วยไม้แขวนแล้วเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้า

    6.เสื้อผ้าใยกึ่งสังเคราะห์
    6.1การซักเสื้อผ้าใยกึ่งสังเคราะห์ เสื้อผ้าใยกึ่งสังเคราะห์เมื่อถูกน้ำจะลดความเหนียวและความทนทาน ไม่ทนกรด ถ้าเปื้อนยางหรือน้ำผลไม้ต้องซักทันที ควรซักแห้งหรืออาจซักน้ำได้ แต่ผ้าจะยับมาก เสียเวลาซักนานอย่าแช่น้ำหรือทิ้งไว้ในน้ำนาน และควรใช้สารซักฟอกชนิดอ่อน ขณะซักไม่ควรขยี้หรือบิดมาก จากนั้นล้างน้ำสะอาด 2-3 ครั้ง แล้วบีบน้ำให้หมาด
    6.2 การตากเสื้อผ้ากึ่งใยสังเคราะห์ ควรแขวนตากในที่ร่ม
    6.3 การรีดเสื้อผ้ากึ่งใยสังเคราะห์ ควรรีดด้วยความร้อนต่ำ เพราะไม่ทนความร้อนถ้าความร้องสูงจะละลาย
    6.4การเก็บเสื้อผ้ากึ่งใยสังเคราะห์ ควรแขวนด้วยไม้แขวนแล้วเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้าที่แห้งและเย็น
    นอกจากเสื้อผ้าใยธรรมชาติ ใยสังเคราะห์ และใยกึ่งสังเคราะห์แล้ว ยังมีเสื้อไหมพรมและเสื้อผ้าที่ตกแต่งด้วยเลื่อมและลูกปัด ซึ่งต้องมีวิธีการดูแลอย่างประณีต ดังนี้

    7.เสื้อผ้าไหมพรม
    เสื้อผ้าไหมพรม เป็นผ้าที่ถักทอจากเส้นไหมพรม มีลักษณะนุ่ม ไม่ยับ ยืดหยุ่นได้ดี สวมใส่อบอุ่น ป้องกันความหนาวได้ดี
    7.1 การซักเสื้อผ้าไหมพรม ทำได้โดยซักมือหรือซักด้วยเครื่องซักผ้าได้ทั้งสองวิธี ควรใช้น้ำยาซักแห้งซัก ขยำเบาๆ เมื่อสะอาดหมดสิ่งสกปรก นำไปล้างน้ำสะอาด  2-3 ครั้ง แล้วแช่น้ำยาปรับผ้านุ่มสักครู่ ไม่ควรนำเสื้อผ้าไหมพรมต่างสีซักรวมกัน เพราะสีจะตกได้
    เสื้อผ้าไหมพรมที่เปื้อนน้ำมัน มีวิธีซักโดยใช้น้ำอุ่นผสมน้ำสบู่หรือสารซักฟอกตีจนขึ้นฟอง นำเสื้อผ้าไหมพรมลงแช่ตรงรอยเปื้อนประมาณ 30 นาทีแล้วขยำเบาๆจนน้ำมันหลุดออกหมด นำไปล้างในน้ำอุ่น 2-3 ครั้ง จนสะอาด
    หลังจากซักเสื้อผ้าไหมพรมแล้ว ปูเสื้อไหมพรมลงบนโต๊ะ นำผ้าขนหนูแห้งๆปูทาบกับตัวเสื้อ ม้วนไปพร้อม ๆ กัน ผ้าขนหนูจะซับน้ำในเสื้อผ้าไหมพรมให้แห้งโดยไม่ต้องบิด เพราะถ้าบิดจะทำให้เส้นไหมพรมยับและยืด
    7.2การตากเสื้อผ้าไหมพรม ทำได้โดยนำเสื้อผ้าไหมพรมที่ซับน้ำจนแห้งแล้ว วางราบบนแผ่นกระดาษยาว ผึ่งให้แห้งในที่ร่ม ไม่ควรนำเสื้อไหมพรมตากบนราวตากผ้า เพราะผ้าไหมพรมเป็นผ้าที่มีน้ำหนักและทิ้งตัว จะทำให้ยืดย้วย เสียรูปทรง
    7.3 การเก็บรักษาเสื้อผ้าไหมพรม ทำได้โดยพับใส่ตู้เสื้อผ้าเก็บไว้ ไม่ควรแขวน เพราะจะทำให้ยืดย้วย เสียรูปทรง

    8.เสื้อผ้าที่ปักเลื่อมและลูกปัด
    เสื้อผ้าที่ปักเลื่อมและลูกปัด ส่วนมากจะตัดเย็บโดยใช้ผ้าไหม ผ้าป่านและผ้าลินิน ซึ่งซักรีดได้ยาก แต่ต้องระวังไม่ให้เลื่อมหรือลูกปัดหลุดอีกด้วย จึงต้องดูแลอย่างถูกวิธี ดังนี้
    8.1การซักเสื้อผ้าที่ปักเลื่อมและลูกปัด ทำได้โดยก่อนซักให้ตรวจหาจุดสกปรกก่อน จึงนำไปแช่น้ำสักครู่ ยกขึ้นบีบน้ำออกโดยไม่บิด จากนั้นนำไปซักในกะละมังที่มีน้ำสารซักฟอกที่ตีจนขึ้นฟอง ขยี้ตรงส่วนสกปรกออกให้หมด ถ้าจุดที่สกปรกเป็นส่วนที่เลื่อมหรือลูกปัด ให้ขยี้เบาๆแล้วยกขึ้น นำเสื่อลงไปแช่ในอ่างที่ผสมน้ำยาซักแห้งสักครู่และขยี้ตรงที่ไม่เป็นลูกปัด ล้างน้ำ 1-2 ครั้ง ยกขึ้นบีบไล่น้ำออก ห้ามบิด จากนั้นนำเสื้อผ้าแช่ในอ่างน้ำผสมน้ำยาปรับผ้านุ่มสักครู่ ยกขึ้นบีบไล่น้ำออกโดยไม่บิด
    8.2 การตากเสื้อผ้าที่มีเลื่อมและลูกปัด ทำได้โดยนำไปใส่ไม้แขวนเสื้อ ผึ่งในที่ร่มที่มีอากาศถ่ายเทดี อย่านำไปตากแดด เพราะจะทำให้ลูกปัดบิดและแตกหักง่าย
    8.3 การรีดเสื้อผ้าปักเลื่อมและลูกปัด ทำได้ดังนี้
     1) ฉีดน้ำพ่นให้ทั่วพอหมาดๆ ม้วนพักไว้สักครู่ นำไปฉีดยาเพื่อให้ผ้าเรียบและไม่อ่อนตัวอีกครั้งหนึ่ง ม้วนให้น้ำซึมซับจนทั่วจึงนำไปรีด
     2) การรีดผ้าที่ปักเลื่อมและลูกปัด ให้กลับด้านในออกนอก วางลงบนโต๊ะรีด ใช้ผ้าสาลูหรือผ้าลินินขนาดเท่าผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำจนทั่วพอหมาด วางทาบตรงปักเลื่อมและลูกปัดรีดเบาๆจนเสื้อผ้าปักเลื่อมและลูกปัดแห้ง ต่อจากนั้นให้กลับด้าน ใช้ปลายเตารีดค่อยๆรีดผ้าที่อยู่ใกล้กับเลื่อมและลูกปัด เพื่อให้เรียบยิ่งขึ้น ตรงส่วนอื่น ๆ ก็ใช้ผ้าสาลูหรือผ้าลินินชุบน้ำพอหมาดวางทับและรีดจนทั่วทั้งตัว โดยรีดตรงปกและตัวเสื้อ สำหรับแขนเสื้อรีดเป็นส่วนสุดท้าย
    8.4 การเก็บเสื้อผ้าที่ปักเลื่อมและลูกปัด ควรกลับเสื้อผ้าด้านในออกเพื่อไม่ให้เลื่อมไปเกี่ยวสิ่อื่นหลุดออกได้โดยง่าย แล้วแขวนไว้ในตู้เสื้อผ้าให้เรียบร้อย

    ผู้จัดทำโดย
 เด็กชายกันต์พงษ์ เปลี่ยนสีเขียว เลขที่ 16
 เด็กหญิงนภสร ดาวดอน เลขที่23
 เด็กหญิงชนิษา สิริศักดิ์สถาพร เลขที่ 28
 เด็กหญิงมณพร ศรีสมุทรนาค เลขที่30
 เด็กหญิงสาธิตา วิอังศุธร เลขที่32

1 ความคิดเห็น: